อาการเริ่มตอนของริดสีดวง สังเกตได้ยากพึ่งเริ่มเป็น และ จะค่อยๆแสดงอาการมากขึ้นตามความรุนแรง

ริดสีดวงเกิดจาก เส้นเลือด หรือ หลอดเลือดดำบริเวณหูรูดทวารอ่อนแอ เมื่อถูกกระตุ้นจากการเสียดสี หรือ ของแสลง ก็ทำให้เกิดอาการโป่งพอง และ กลายเป็นริดสีดวงในที่สุด

ริดสีดวงภายนอกสังเกตุได้ง่าย คือ จะมีติ่งเนื้อนูนๆบริเวณปากทวาร แต่ในระยะแรกของริดสีดวงภายในสังเกตุได้ยาก เพราะอาการไม่รุนแรง และ ตัวบ่งชี้อาการไม่ชัดเจน

ผู้ป่วยมักรู้ตัวอีกทีคือตอนที่เป็นระยะที่ 2-3 ซึ่งเป็นระยะที่แสดงอาการชัดเจน และ เริ่มรุนแรง

1. อาการเปียกแฉะ และ คันทวารหนัก

อาการนี้มักเกิดจากมี ก้อน หรือ ติ่งเนื้อ ดันหูรูดทวารทำให้ปิดไม่สนิท น้ำอุจจาระ และ สิ่งสกปรก จึงสามารถเล็ดออกมาจากอุจจาระได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทวารแฉะ คัน และ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรอบรูทวารได้

ภาพแสดงให้เห็นถึงหัวริดสีดวงดันปากทวาร ที่ทำให้หูรูดทวารปิดไม่สนิท

เมื่อหัวริดสีดวงใหญ่ขึ้น ก็ยิ่งทำให้ปากเปิดกว้างมากขึ้น น้ำอุจจาระยิ่งเล็ดออกมาส่งกลิ่นเหม็น เลอะกางเกง ลำบากในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก จนอาจต้องใส่ผ้าอ้อม หรือ ผ้าอนามัย

ถ้าไม่รุนแรง อาการดังกล่าวจะค่อยๆหายไป หากลดขนาดหัวริดสีดวงลดลง โดยการทานยา และ งดอาหารที่เป็นของแสลง

2.แสบร้อนรุนแรงบริเวณรูทวาร

เกิดจากอาการท้องผูก และ ท้องเสีย ทำให้เกิด “การเสียดสีอย่างรุนแรงบริเวณหูรูดทวาร” ทำให้แสบร้อน หลายๆคนเรียกว่า “อึบาดตูด” หรือ “ขี้บาดตูด” อาจทำให้มีเลือดออก โรคแผลปริขอบทวารได้

เมื่อเป็นบ่อยครั้ง เส้นเลือดที่อ่อนแอจะสูญเสียความยืดหยุ่น พอง จนกลายเป็นริดสีดวงในที่สุด หากเริ่มมีอาการแสบร้อน ควรดึ่มน้ำให้มากๆ เพิ่มการทานอาหารประเภทกากใย และ งดอาหารรสจัด เพื่อลดอาการบวมบริเวณทวาร

รูปเปรียบเทียบ ทวารที่ถูกเริ่มมีอาการบวม และ ทวารปกติ

นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร อาจเป็นตัวกระตุ้นได้ใช้กัน

หากขณะขับถ่าย มีอาการแสบรุนแรง สามารถใช้สารหล่อลื่น หรือ สบู่ เพื่อช่วยลดการเสียดสีได้

3.เจอติ่งเนื้อขณะล้างทวาร

อาการนี้มักเกิดขึ้น เมื่อริดสีดวงระยะเข้าสู่ที่ 2 ถ้าหากขมิบก้นก็จะหดกลับเข้าไปในทวารดังเดิม และ สามารถรู้สึกได้ว่า เวลาขับถ่ายจะมีเหมือนก้อนอะไรบ้างอย่างขวางอุจจาระอยู่

เมื่อเบ่งอุจจาระ บริเวณหัวริดสีดวงภายในจะยื่นออกมา สามารถสัมผัสโดยตรงได้

นอกจากนี้อาการนี้ ระยะแรกก็สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าหากเป็นช่วงที่มีอาการท้องเสีย หรือ ท้องผูกรุนแรง หัวริดสีดวงจะบวมมากขึ้น

4. มีเลือดสดหยดออกมาหลังขับถ่าย

เลือดออกทวารเป็นสาเหตุของหลาย ๆ โรค ข้อสังเกตของริดสีดวงคือ “เลือดออกเป็นสีแดงสด”

สาเหตุเกิดจากอุจจาระแข็งไปเสียดสีกับหัวริดสีดวงจนเกิดแผลฉีกขาด หากหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ เลือดจะไหลออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ระยะแรงๆนั้น เลือดจะไหลออกน้อยมาก ต้องใช้ “กระดาษชำระ” ซับเท่านั้นจึงจะรู้

แต่หากพบว่ามีเลือดไหลออกเป็นจำนวนมาก ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการอย่างระเอียด เพื่อการรักษาอย่างตรงจุด

ดังนั้นหากรู้ตัวว่ามีอาการดังกล่าว ควรรีบทำการรักษาและไม่ควรปล่อยไว้จนอาการริดสีดวงบานปลาย จนต้องผ่าตัด!!

จากงานวิจัยจาก ศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NCBI USA) ปี 2018 ที่ผ่านมา พบว่า ริดสีดวงทวาร สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก หรือ ผู่ใหญ่ และมีบริมาณเพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ

สรรพคุณ ยาตราปลามังกร
รีวิว ยาตราปลามังกร

ช่องทางด่วน…
สำหรับปรึกษา / สอบถาม / สั่งซื้อสินค้า

บทความรักษาริดสีดวง สำหรับ “คุณ”

  • สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวง 

3สาเหตุ ที่ทำให้เกิด ริดสีดวง

รายงานล่าสุดพบว่า คนอายุ 21-30 ปี มีโอกาสเป็น "ริดสีดวง" เท่ากับคนอายุ 40-50 ปี ทั้งที่เมื่อก่อนโรคนี้จะเกิดเฉพาะผู้สูงอายุ และ ผู้ตั้งครรภ์เท่านั้น

ริดสีดวง หายแล้ว ทำอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

ริดสีดวง สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ หากดูแลตัวเองไม่ดี เพราะ ริดสีดวงเกิดจากเส้นเลือดบริเวรปากทวาร ซึ่งมีหลายร้อยเส้น